ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

พระมหาชนก (๘)


เสนาบดีเมื่อได้รับพระอนุญาตก็ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระนาง  เพื่อหวังจะให้ทรงโปรดปราน  ขัดเขมรโจงกระเบนให้มั่นแล้วก็วิ่งไปเฝ้าพระนาง  หอบหายใจอยู่ตรงพระพักตร์

พระราชธิดาทรงทดลองต่อไปรับสั่งว่า   " เสนาบดีท่านจงรีบเดินไปตามพื้นตำหนักให้ถึงท้องพระโรงโดยไว"

เมื่อเสนาบดีรีบเดินไป  ก็รับสั่งให้คนไปบอกว่า  ให้รีบเดินกลับมา  เสนาบดีก็รีบเดินกลับตามรับสั่ง  พระราชธิดาเหยียดพระบาทออกแล้วตรัสว่า  " ท่านเสนาบดีนวดเท้าให้เราหน่อย "   เสนาบดีก็นั่งลงนวดเท้าพระราชธิดา  มีความกระหยิ่มยิ้มย่องนึกว่า  พระราชธิดาคงโปรดแน่  ทันใดนั้นเอง  พระราชธิดาก็ถีบเข้าที่อกจนเสนาบดีล้ม  แล้วรับสั่งกับพวกข้าหลวงว่า   " พวกเจ้าจงจับคอคนโง่หาปัญญามิได้นี้ออกไปแล้วทุบตีเสียให้สาสม  ค่าที่มันไม่เจียมตัว "  พวกข้าหลวงต่างตรงเข้าจับคอบ้าง  มือบ้าง  ลากออกจากพระราชวัง  แล้วพากันทุบตีจนเสนาบดีบอกช้ำ

เสนาบดีเมื่อถูกเข้าเช่นนั้นก็แสนที่จะละอาย  เดินโซเซหน้าซีดออกมา  เมื่อมีใครถามว่า   " ท่านครับ  เป็นอย่างบ้าง  สำเร็จไหม ? "   เสนาบดีบอกว่า   " สำเร็จอะไรกัน  พระราชธิดาองค์นี้คงไม่ใช่มนุษย์แน่  น่ากลัวคงเป็นนางยักษิณีผีป่า  เราถูกทั้งเท้า  ทั้งเข่า  ทั้งศอก  ทั้งหมัด  บอกบช้ำไปหมดแล้ว "

บุคคลที่ถูกคัดเลือกเข้าไปให้พระราชธิดาทรงทดองความฉลาด  เช่น  ขุนคลัง  เศรษฐี  เจ้าพนักงานเชิญเครื่องสูง  เจ้าพนักงานพระแสง  แต่ละคนก็ถูกพระราชธิดาทดลองปัญญา  บอกให้วิ่งก็วิ่ง  บอกให้เต้นก็เต้น  บอกให้ร้องก็ร้อง  ทำเป็นเหมือนคนบ้าจี้  ในที่สุดก็ถูกพระราชธิดาขับไลให้ออกจากพระราชวังหมด

อำมาตย์ผู้ใหญ่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจะทำให้พระราชธิดาทรงโปรดได้  ก็ปรึกษากันว่า   " เราควรมอบราชสมบัติให้แก่ผู้ที่สามารถยกสหัสถามธนูได้ "   เมื่อประกาศหาผู้ที่สามารถยกธนูก็ไม่มีใครยกได้  ให้หาผู้ที่รู้จักหัวนอนบัลลังก์ ๔  เหลี่ยม  ผู้ที่สามารถนำขุมทรัพย์  ๑๓  แห่งออกได้  ก็ไม่มีผู้สามารถ  เมื่อหาผู้ที่สามารถไม่ได้สักอย่างเดียว  อำมาตย์จึงปรึกษากันว่า   " จะทำอย่างไรดี  แว่นแคว้นที่ไีม่มีพระราชาปกครองจะลำบาก"

ขณะนั้น  ปุโรหิตผู้เป็นที่นับถือของราชสำนักได้กล่าวกะมหาอำมาตย์ว่า  " ท่านทั้งหลายอย่าวิตกไปเลย  เราควรเสี่ยงบุษยราชรถออกไป  เพราะผู้ที่เชิญเสด็จมาด้วยบุษยราชรถนั้นสมควรเป็นพระราชาครองราชสมบัติในสกลชมพูทวีปได้"   เมื่อทุกคนเห็นชอบตามที่ท่านปุโรหิตพูด  ก็เตรียมบุษยราชรถเทียมม้าขาว  ๔  ตัว  จัดพระที่นั่งบนราชรถและมีเครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง ๕  ประดิษฐานบนรถ  มีเหล่าจตุรงคเสนาล้อมบุษยราชรถ  มีประโคมดนตรีอยู่เบื้องหลัง  ตามธรรมดาถ้ามีพระราชาประทับบนบุษยราชรถ  ต้องประโคมดนตรีข้างหน้า  ถ้าไม่มีพระราชาประทับก็ประโคมข้างหลัง  แล้วเอาพระเต้าทองรินน้ำประพรมสายหนัง  เชือก  แอก  ปฏัก  ตั้งอธิษฐานว่า   " หากผู้ใดมีบุญญาธิการสมควรครองราชสมบัติ  ขอให้ราชรถจงไปยังที่อยู่ของผู้นั้นเถิด "   อธิษฐานเสร็จแล้วก็ปล่อยราชรถนั้นไป

บุษยราชรถอออกจากพระราชมนเทียรแล่นเข้าทางหลวง  ออกจากพระนครแล่นตรงไปยังพระราชอุทยาน  แล้วหยุดอยู่ตรงแผ่นศิลามงคล

ปุโรหิตตามไปดูตรงที่ราชรถหยุดนั้น  ได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งนอนหลับอยู่  จึงเรียกพวกอำมาตย์มาแล้วชี้ให้ดูบุรุษที่กำลังนอนอยู่บนแผ่นหิน  พูดว่า  "บุรุษผู้นี้เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย  และเราก็ยังรู้ไม่ได้ว่า  เขาจะสมควรเป็นราชาของพวกเราหรือไม่  เอาอย่างนี้  เราจะทดลองบุรุษผู้นี้ดูก่อน  ให้วงดนตรีประโคมดนตรีขึ้นพร้อมกัน  ถ้าบุรุษผู้นี้มีปัญญาก็คงสงบอยู่ ไม่ลุก  ไม่แลดู  ถ้าเป็นคนโง่กาลกิณีก็จะตกใจรีบลนลานลุกหนีไป  พวกท่านจะเห็นอย่างไร "  อำมาตย์ทั้งหลายเห็นด้วยกับปุโรหิต  ปุโรหิตจึงให้วงดนตรีบรรเลงขึ้นพร้อม ๆ กัน  เสียงดนตรีดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว


...................................



จาก....หนังสืือทศชาติชาดก  (พระเจ้าสิบชาติ)
โดย....แปลก  สนธิรักษ์

















ไม่มีความคิดเห็น: