เสนาบดีเมื่อได้รับพระอนุญาตก็ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระนาง เพื่อหวังจะให้ทรงโปรดปราน ขัดเขมรโจงกระเบนให้มั่นแล้วก็วิ่งไปเฝ้าพระนาง หอบหายใจอยู่ตรงพระพักตร์
พระราชธิดาทรงทดลองต่อไปรับสั่งว่า " เสนาบดีท่านจงรีบเดินไปตามพื้นตำหนักให้ถึงท้องพระโรงโดยไว"
เมื่อเสนาบดีรีบเดินไป ก็รับสั่งให้คนไปบอกว่า ให้รีบเดินกลับมา เสนาบดีก็รีบเดินกลับตามรับสั่ง พระราชธิดาเหยียดพระบาทออกแล้วตรัสว่า " ท่านเสนาบดีนวดเท้าให้เราหน่อย " เสนาบดีก็นั่งลงนวดเท้าพระราชธิดา มีความกระหยิ่มยิ้มย่องนึกว่า พระราชธิดาคงโปรดแน่ ทันใดนั้นเอง พระราชธิดาก็ถีบเข้าที่อกจนเสนาบดีล้ม แล้วรับสั่งกับพวกข้าหลวงว่า " พวกเจ้าจงจับคอคนโง่หาปัญญามิได้นี้ออกไปแล้วทุบตีเสียให้สาสม ค่าที่มันไม่เจียมตัว " พวกข้าหลวงต่างตรงเข้าจับคอบ้าง มือบ้าง ลากออกจากพระราชวัง แล้วพากันทุบตีจนเสนาบดีบอกช้ำ
เสนาบดีเมื่อถูกเข้าเช่นนั้นก็แสนที่จะละอาย เดินโซเซหน้าซีดออกมา เมื่อมีใครถามว่า " ท่านครับ เป็นอย่างบ้าง สำเร็จไหม ? " เสนาบดีบอกว่า " สำเร็จอะไรกัน พระราชธิดาองค์นี้คงไม่ใช่มนุษย์แน่ น่ากลัวคงเป็นนางยักษิณีผีป่า เราถูกทั้งเท้า ทั้งเข่า ทั้งศอก ทั้งหมัด บอกบช้ำไปหมดแล้ว "
บุคคลที่ถูกคัดเลือกเข้าไปให้พระราชธิดาทรงทดองความฉลาด เช่น ขุนคลัง เศรษฐี เจ้าพนักงานเชิญเครื่องสูง เจ้าพนักงานพระแสง แต่ละคนก็ถูกพระราชธิดาทดลองปัญญา บอกให้วิ่งก็วิ่ง บอกให้เต้นก็เต้น บอกให้ร้องก็ร้อง ทำเป็นเหมือนคนบ้าจี้ ในที่สุดก็ถูกพระราชธิดาขับไลให้ออกจากพระราชวังหมด
อำมาตย์ผู้ใหญ่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจะทำให้พระราชธิดาทรงโปรดได้ ก็ปรึกษากันว่า " เราควรมอบราชสมบัติให้แก่ผู้ที่สามารถยกสหัสถามธนูได้ " เมื่อประกาศหาผู้ที่สามารถยกธนูก็ไม่มีใครยกได้ ให้หาผู้ที่รู้จักหัวนอนบัลลังก์ ๔ เหลี่ยม ผู้ที่สามารถนำขุมทรัพย์ ๑๓ แห่งออกได้ ก็ไม่มีผู้สามารถ เมื่อหาผู้ที่สามารถไม่ได้สักอย่างเดียว อำมาตย์จึงปรึกษากันว่า " จะทำอย่างไรดี แว่นแคว้นที่ไีม่มีพระราชาปกครองจะลำบาก"
ขณะนั้น ปุโรหิตผู้เป็นที่นับถือของราชสำนักได้กล่าวกะมหาอำมาตย์ว่า " ท่านทั้งหลายอย่าวิตกไปเลย เราควรเสี่ยงบุษยราชรถออกไป เพราะผู้ที่เชิญเสด็จมาด้วยบุษยราชรถนั้นสมควรเป็นพระราชาครองราชสมบัติในสกลชมพูทวีปได้" เมื่อทุกคนเห็นชอบตามที่ท่านปุโรหิตพูด ก็เตรียมบุษยราชรถเทียมม้าขาว ๔ ตัว จัดพระที่นั่งบนราชรถและมีเครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง ๕ ประดิษฐานบนรถ มีเหล่าจตุรงคเสนาล้อมบุษยราชรถ มีประโคมดนตรีอยู่เบื้องหลัง ตามธรรมดาถ้ามีพระราชาประทับบนบุษยราชรถ ต้องประโคมดนตรีข้างหน้า ถ้าไม่มีพระราชาประทับก็ประโคมข้างหลัง แล้วเอาพระเต้าทองรินน้ำประพรมสายหนัง เชือก แอก ปฏัก ตั้งอธิษฐานว่า " หากผู้ใดมีบุญญาธิการสมควรครองราชสมบัติ ขอให้ราชรถจงไปยังที่อยู่ของผู้นั้นเถิด " อธิษฐานเสร็จแล้วก็ปล่อยราชรถนั้นไป
บุษยราชรถอออกจากพระราชมนเทียรแล่นเข้าทางหลวง ออกจากพระนครแล่นตรงไปยังพระราชอุทยาน แล้วหยุดอยู่ตรงแผ่นศิลามงคล
ปุโรหิตตามไปดูตรงที่ราชรถหยุดนั้น ได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งนอนหลับอยู่ จึงเรียกพวกอำมาตย์มาแล้วชี้ให้ดูบุรุษที่กำลังนอนอยู่บนแผ่นหิน พูดว่า "บุรุษผู้นี้เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย และเราก็ยังรู้ไม่ได้ว่า เขาจะสมควรเป็นราชาของพวกเราหรือไม่ เอาอย่างนี้ เราจะทดลองบุรุษผู้นี้ดูก่อน ให้วงดนตรีประโคมดนตรีขึ้นพร้อมกัน ถ้าบุรุษผู้นี้มีปัญญาก็คงสงบอยู่ ไม่ลุก ไม่แลดู ถ้าเป็นคนโง่กาลกิณีก็จะตกใจรีบลนลานลุกหนีไป พวกท่านจะเห็นอย่างไร " อำมาตย์ทั้งหลายเห็นด้วยกับปุโรหิต ปุโรหิตจึงให้วงดนตรีบรรเลงขึ้นพร้อม ๆ กัน เสียงดนตรีดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว
...................................
จาก....หนังสืือทศชาติชาดก (พระเจ้าสิบชาติ)
โดย....แปลก สนธิรักษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น