ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

พระมหาชนก (๙)



พระมหาชนกได้ยินเสียงดนตรรีก็ตื่นจากบรรทม  เปิดผ้าคลุมทอดพระเนตรเห็นบุษยราชรถก็ทรงดำริว่า   " เราคงได้เป็นราชาครองราชสมบัติในเมืองนี้แน่แท้ "  แล้วก็คลุมพระเศียรอย่างเดิม  พลิกพระวรกายบรรทมต่อไป  มิได้ทรงแสดงอาการตื่นเต้นตกใจแต่อย่างไร

ปุโรหิตตรงไปเปิดผ้าคลุมพระบาทตรวจดูลักษณะ  เห็นลักษณะต้องตามพยากรณศาสตร์ว่า  บุรุษที่มีลักษณะเช่นนี้  อย่าว่าแต่จะครองราชสมบัติเพียงทวีปเดียวเลย  ต่อให้ทั้งี่ทวีปก็สามารถครองได้  จึงประกาศพระลักษณะให้มหาชนที่รอฟังวามอยู่  ณ  ที่นั้นให้ทราบ  แล้วให้ดนตรีประโคมอีกครั้งหนึ่ง

พระมหาชนกทรงเปิดผ้าคลมทอดพระเนตรดูหน่อยหนึ่งแล้วพลิกวรกายบรรทมต่อไป

ปุโรหิตเห็นว่า  บุรุษผู้นี้มีบุญญาธิการสมควรได้ราชสมบัติ  จึงนั่งลงกราบถวายบังคมว่า   " ขอเดชะ  ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  ขอพระองค์เสด็จลุกขึ้นเถิด  บัดนี้ราชสมบัติแห่งมิลิลานครได้มาถึงพระองค์แล้ว  พระเจ้าข้า "

พระมหาชนกตรัสถามปุโรหิตว่า   " พระเจ้าอยู่หัวของท่านไปไหนเสียเล่า ? "

ปุโรหิตกราบทูลว่า   " ได้เสด็จสวรรคตเสียแล้ว  พระเจ้าข้า "

พระมหาชนกตรัสว่า   " ถ้าเช่นนั้นดีแล้ว  เราจักครองราชสมบัติ "  แล้วเสด็จลุกขึ้นประทับนั่งบนแผ่นหินอันเป็นมงคล

ขณะนั้น  มหาชนพร้อมด้วยเสนามาตย์ราชปุโรหิตาจารย์ต่างก็ถวายราชาภิเษกพระมหาชนก  ณ  ที่นั้น  แล้วทูลขอพระนามพระองค์  พระมหาชนกรับสั่งว่า  "เราชื่อมหาชนก  บัดนี้ท่านทั้งหลายได้จัดพิธีราชาภิเษกแก่เราแล้ว  เราจึงมีชื่อว่า  มหาชนกราชา "

พระมหาชนกราชได้เสด็จเข้าพระนคร  ตรงเข้าพระราชมนเทียรเสด็จเลยเข้าถึงฝ่ายใน

พระนางสีวลีราชธิดาทรงทราบว่า   " เสนามาตย์ราชปุโรหิตได้จัดการอภิเษกบุรุษผู้หนึ่งเป็นพระราชา  ทรงพระนามว่า  พระมหาชนกราช  บัดนี้  พระมหาชนกราชได้เสด็จเข้ามาอยู่ในพระราชวังฝ่ายในแล้ว"  จึงทรงดำริที่จะทดลอง  จึงรับสั่งเรียกราชบุรุษคนหนึ่งมาเฝ้าแล้วตรัสว่า  " นี่แน่  เจ้าจงไปทูลพระมหาชนกราชว่า  พระนางสีวลีราชธิดามีพระประสงค์จะทรงพบ  ขอได้โปรดรีบเสด็จไปเฝ้าโดยไวเถิด"   ราชบุรุษรับกระแสรับสั่งของพระนางแล้วก็ไปเฝ้าพระมหาชนกราช  กราบทูลตามที่พระนางสั่ง

พระราชามหาชนกทรงสดับคำกราบทูลของราชบุรุษดังนั้น  ก็ทรงทำเป็นไม่ได้ยิน  ทรงเสแสร้งทำเป็นชมปราสาทว่า   "แหม  ปราสาทนี้งามตระการยิ่งนัก  เป็นบุญของเราแล้วที่ได้อยู่ปราสาทนี้ "   แม้ราชบุรุษจะกราบทูล  ๒  ครั้ง  ๓  ครั้ง  ก็ทรงทำเป็นไม่ได้ยิน

ราชบุรุษเมื่อเห็นว่า  พระราชามิได้ทรงสนพระทัยในคำกราบทูลของตน  จึงกลับไปเฝ้าพระราชธิดา  กราบทูลว่า   "ข้าแต่พระนาง  หม่อมฉันได้กราบทูลแด่พระราชาตามกระแสรับสั่งของพระนาง  แต่พระราชามิได้ทรงสนพระทัยกับคำกราบทูลนั้นเลย  กลับทรงชมมหาปราสาทอยู่ตลอดเวลา  พระเจ้าข้า "

พระราชธิดาทรงดำริว่า   " พระราชาองค์นี้ฉลาดมาก "   ได้ทรงสั่งราชบุรุษไปกราบทูลอีก  ๒  ครั้ง  ๓  ครั้งก็ไม่สำเร็จ  เป็นอันจนพระทัย  คอยเฝ้าดูเหตุการณ์ต่อไป


........................................


จาก....หนังสือศชาติชาดก  (พระเจ้าสิบชาติ)
โดย....แปลก  สนธิรักษ์









ไม่มีความคิดเห็น: