พระเทวีตรัสว่า "พระสวามีของดิฉัน ถูกเจ้าโปลชนกมหาอุปราช ผู้เป็นพระอนุชาปลงพระชนม์ ดิฉันกลัวภัยจะมาถึงตัว จึงได้หนีมา ด้วยหวังว่าจะถนอมครรภ์ไว้กอน"
ท่านอาจารย์ทิศาปาโมกข์ทูลถามว่า "ในพระนครนี้มีใครเป็นพระญาติของระนางบ้าง ? "
พระเทวีตรัสว่า "ไม่มีเลยจ้ะ "
อาจารย์ทิศาปาโมกข์ทูลว่า " ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันผู้เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ จะขอรับพระนางไว้ในฐานะน้องสาว และจะบำรุงพระนางให้ทรงพระสำราญ ขอพระนางทรงอย่าคิดเป็นอย่างอื่นเลย "
พระเทวีทรงพอพระทัยที่ได้ท่านอาจารย์ทิศาปาโมกข์เป็นที่พึ่งพำนักจึงตรัสขอฝากชีวิตและโอรสในครรภ์ไว้กับท่านอาจารย์ทิศาปาโมกข์ อาจารย์ทิศาปาโมกข์พาพระนางไปประทับที่บ้านของตน แม้ภรรยาของอาจารย์ทิศาปาโมกข์ก็มีความเคารพรักให้ความอุปการะแก่พระนางเป็นอย่างดี
พระนางอาศัยอยู่กับท่านอาจารย์ทิศาปาโมกข์ไม่นาน ก็ประสูติพระโอรส ทรงพระรูปโฉมงดงาม พระนางขนานพระนามพระโอรสว่า "มหาชนกกุมาร" ซึ่งเป็นพระนามของพระอัยกา
มหาชนกกุมารเจริญวัยแล้ว ทรงเล่นอยู่กับพวกเด็ก ๆ พระองค์มีพระกำลังมาก หากเด็กคนใดทำให้พระองค์ขัดเคือง มหาชนกกุมารก็จับเด็กนั่นฉุดลากไปมาจนเด็กนั้นร้องไห้เสียงขรม เมือใครถามว่า " หนู ใครข่มเหงเอา " เด็กนั้นก็ตอบว่า "ลูกหญิงหม้ายข่มเหง " มหาชนกกุมารเมื่อได้สดับดังนั้นจึงดำริว่า " ทำไมเด็กนั้นจึงว่า เราเป็นลูกหญิงแม่หม้าย เราจะต้องถามมารดาให้รู้แน่ "
วันหนึ่ง พระกุมารทูลถามพระมารดาว่า "แม่จ๋า ทำไมเด็ก ๆ มันจึงพูดว่า ฉันเป็นลูกหญิงแม่หม้าย พ่อฉันไม่มีหรอกหรือ ?"
พระนางตรัสลวงว่า " ก็อาจารย์ทิศาปาโมกข์นั่นอย่างไรล่ะ บิดาของลูก"
อยู่มาวันหนึ่ง มหาชนกกุมารถูกพวกเด็ก ๆ พูดอีกว่า "เป็นลูกแม่หม้าย " มหาชนกกุมารจึงบอกว่า อาจารย์ทิศาปาโมกข์เป็นบิดาของตน เด็ก ๆ พากันหัวเราะลั่น ที่เห็นว่า มหาชนกกุมารตู่ว่าอาจารย์ทิศาปาโมกข์เป็นบิดา ต่างพากันตะโกนว่า ไม่จริง ๆ อาจารย์ทิศาปาโมกข์ไมใช่บิดาเจ้า "
พระเทวีไม่อาจจะลวงพระโอรสต่อไปได้ จึงตรัสบอกความจริงให้โอรสฟังตั้งแต่ต้น จนกระทั่งพระนางได้มาอาศัยอยู่กับท่านอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ตั้งแต่นั้นมา พระกุมารก็หายกริ้วต่อผู้ที่ว่าตนเป็นลูกหญิงแม่หม้าย เพราะได้ทราบความจริงหมดแล้ว
มหาชนกกุมารได้ศึกษาศิลปศาสตร์ในสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ สำเร็จเมื่อพระชนม์ ๑๖ พรรษา พระราชกุมารทรงดำริจะเอาราชสมบัติซึ่งเป็นมรดกของพระชนกคืนให้ได้ จึงทูลถามพระชนนีว่า " ข้าแต่พระมารดา เมื่อพระมารดาเสด็จหนีลี้ภัยมา มีทรัพย์สมบัติอะไรติดมือมาบ้าง หากมีหม่อมฉันจะนำไปขาย เมื่อได้ทรัพย์มาก็จะได้ประกอบการค้าต่อไป เมื่อได้ทรัพย์มากพอแล้ว หม่อมฉันคิดจะเอาราชสมบัติของพระชนกคืนให้ได้"
พระมารดาตรัสว่า "ลูกรัก แม่ไม่ได้มามือเปล่า แม่เอาของสำคัญมา ๓ อย่าง คือ แก้วมณี แก้วมุกดา แก้ววิเชียร แก้วทั้ง ๓ ชนิดนี้ แต่ละอย่างมีราคามาก ลูกจงรับเอาไปเถิด "
พระโพธิสัตว์ทูลว่า "ข้าแต่พระมารดา หม่อมฉันขอเพียงกึ่งหนึ่ง หม่อมฉันจะไปทำการค้าที่เมืองสุวรรณภูมิ เมื่อรวบรวมทรัพย์ได้มากพอ หม่อมฉันก็จะเอาราชสมบัติของพระชนกคืน " พระมารดาได้ประทานทรัพย์กึ่งหนึ่งให้แก่โอรส
..................................
จาก....หนังสือทศชาติชาดก (พระเจ้าสสิบชาติ)
โดย....แปลก สนธิรักษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น