ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พระมหาชนก (๑๒)



"ลูกผู้ชายควรหวังเข้าไว้  ไม่ควรเบื่อหน่ายใน
การงาน  เราสำเร็จความปรารถนา  ๒  ประการ  คือ  เป็น
พระราชาสมความปรารถนา ๑   ได้ขึ้นบกสมความ
ปรารถนา ๑   เพราะเราไม่หมดความหวัง

คนมีปัญญา  แม้ได้รับทุกข์  ก็ไม่ควรสิ้นความหวัง
เพื่อทำตนให้ได้รับสุข  เป็นความจริง  คนส่วนมาก
เมื่อได้รับทุกข์ก็ทำแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์  เมื่อได้
สุขจึงทำสิ่งที่เป็นประโยชน์  คนเหล่านี้ขาดความ
สำเหนียกในข้อที่ว่า  ' คนที่มีปัญญาแม้ได้รับทุกข์  ก็
ไม่ควรสิ้นความหวัง  เพื่อทำตนให้ได้รับสุข '  จึงต้องตาย

บางอย่าง  เราไม่เคยคิดเลย  แต่ก็ปรากฏขึ้นได้
บางอย่างแม้เราเคยคิดไว้  แต่ก็ไม่เป็นไปตามความคิด

เราไม่เคยคิดเลยว่า  เราจะได้ราชสมบัติโดยไม่
ต้องรบ  แต่ก็ปรากฏแก่เราแล้ว

เราเคยคิดว่า  เราจะชิงราชสมบัติในสุวรรณภูมิ
แต่การณ์ก็ไม่ปรากกฏให้เป็นไปเช่นนั้น

เป็นความจริง  โภคสมบัติไม่สำเร็จขึ้นได้เพียง
ความคิดชนิดสร้างวิมานบนอากาศ  สำเร็จได้เพราะ
ความเพียร  จึงควรทำความเพียร  อย่าสักแต่คิด"

พระราชามหาชนกทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม  ปกครองราษฏรให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ทรงอุปถัมภ์พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายด้วยศรัทธาอันแรงกล้า  

ครั้นกาลล่วงมา  พระนางสีวลีมเหสีประสูติพระราชโอรสองค์หนึ่ง  พระชนชนนีขนานพระนามว่า 
"ทีฆาวุราชกุมาร"  เมื่อทีฆาวุราชกุมารเจริญวัย  พระราชบิดาทรงสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งอุปราช

วันหนึ่ง  พระราชามหาชนกเสด็จประพาสพระราชอุทยาน  ทอดพระเนตรเห็นมะม่วง  ๒  ต้น  ตนหนึ่งกิ่งหักใบร่วงโกร๋น  อีกต้นหนึ่งมีใบแน่นหนาสีเขียวชอุ่มร่มเย็นราบรื่น  จึงตรัสถามอำมาตย์ที่ตามเสด็จว่า  ไทำไมมะม่วง  ๒  ต้นนี้จึงเป็นไปอย่างนั้น ? "

อำมาตย์กราบทูลว่า  "ขอเดชะ  ต้นหนึ่งมีผลดก  และมีรสหวานน่ารับประทาน  คนทั้งหลายต่างก็สอยบ้าง  ขว้างบ้าง หักบ้าง  เพื่อเอาผลมารับประทาน  จึงเป็นเช่นนั้น  อีกต้นหนึ่งไม่มีผล  ไม่มีใครไปทำลาย  จึงมีใบหนาทึบอยู่เช่นนั้น  พระเจ้าข้า"

พระราชามหาชนกได้สดับดังนั้น  ก็สลดพระทัย  ได้ความคิดขึ้นว่า  "ต้นไม้ที่มีผลมีรสอร่อย  มักถูกหักทำลาย  เช่นมะม่วงต้นนั้น  ส่วนต้นที่ไม่มีผลก็มีใบหนาทึบสะพรั่งอยู่  ราชสมบัติเปรียบเหมือนต้นไม้มีผล  อาจถูกทำลายวันใดวันหนึ่งก้็ได้  แม้ยังไม่ถูกทำลายก็ทำให้เกิดกังวลเฝ้าแหนรักษา  ภัยเกิดแก่ผู้มีความกังวล  บรรพชาเปรียบเหมือนต้นไม้ที่ไม่มีผล  ไม่ทำให้เกิดกังวล  เพราะภัยย่อมไม่มีแก่ผู้ที่ไม่มีกังวล  เราจะไม่ยอมทำตนเหมือนต้นไม้มีผล  เราจะทำตนเหมือนต้นไม้ไม่มีผล  เราจะสละราชสมบัติออกบรรพชาแน่นอน"  เมื่อทรงมั่นพระทัยเช่นนั้น  จึงเสด็จกลับเข้าพระราชวัง  รับสั่งประชุมเสนาบดีว่า  "ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  เราขอมอบราชการทุกอย่างให้แก่อุปราชโอรสของเราดูแลแทน  เราจะขออยู่อย่างสงบ  ห้ามผู้คนเข้าไปรบกวนเรา  นอกจากพนักงานเชิญเครื่องกับพนักงานถวายน้ำบ้วนพระโอษฐ์เท่านั้น"  ตรัสสั่งเสร็จแล้วพระองค์ก็เสด็จเข้าพระมหาปราสาท  ทรงเจริญสมณธรรมอยู่่องค์เดียว


.....................................



จาก....หนังสือทศชาติชาดก  (พระเจ้าสิบชาติ)
โดย....แปลก  สนธิรักษ์









ไม่มีความคิดเห็น: