ฝ่ายพระราชาอริฏฐชนก รับสั่งให้ทหารเที่ยวติดตามจับเจ้าโปลชนกทุกแห่งที่สงสัยว่าพระมหาอุปราชจะหลบซ่อนอยู่ แต่ก็ไม่สามารถจะจับได้
เจ้าโปลชนกมหาอุปราชเสด็จลี้ภัยไปประทับอยู่ ณ บ้านชายแดนหลายเพลา ยิ่งนานวันเข้าก็ทรงเกลี้ยกล่อมผู้คนชาวชนบทได้มากขึ้นเป็นลำดับ มีพวกพ้องบริวารมาก จึงทรงดำริว่า "เราเป็นผู้บริสุทธิ์ มีจิตจงรักภักดีต่อพระเชษฐาธิราช มิได้คิดคดทรยศเลย แต่เรากลับถูกหาว่าเป็นผู้ทรยศจนต้องหนีมาพึ่งชาวบ้านอยู่เช่นนี้ บัดนี้เรามีพวกพ้องมากพอแล้ว เราจะต้องก่อเวรกับพระเชษฐาล่ะ" เมื่อทรงดำริดังนั้นแล้ว จึงตรัสเรียกประชุมพลนิกายทั้งหมด แล้วยกพลจากบ้านชายแดนมุ่งตรงกรุงมิถิลา เมื่อจวนจะถึง รับสั่งให้ตั้งค่ายพักอยู่ภายนอกพระนคร
จะกล่าวถึงเหล่าทหารแห่งกรุงมิถิลา เมื่อได้ทราบว่า เจ้าโปลชนกมหาอุปราชเสด็จนำกองพลใหญ่หลวงมา ต่างก็นำอาวุธยุทโธปกรณ์ อีกทั้งช้างม้าเป็นต้น มามอบถวายเจ้าโปลชนกมหาอุปราช บรรดาชาวเมืองต่างก็พากันสมัครเข้าด้วยกับเจ้าโปลชนกเป็นจำนวนมาก เจ้าโปลชนกทรงส่งสาสน์ไปถึงพระเชษฐาธิราชว่า "ขอเชะ ข้าพระพุทธเจ้ามิได้คิดคดทรยศต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่ต้องถูกใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจับจองจำข้าพระพุทธเจ้า เพราะทรงเชื่อถ้อยคำใส่ไคล้ของอำมาตย์สอพลอ ข้าพระพุทธเจ้าจำเป็นจำใจต้องหนีลี้ภัย บัดนี้ถึงคราวแล้วที่ข้าพระพุทธเจ้าจะต้องก่อเวรกับใต้ฝ่าละอองธุุลีพระบาท ขอพระองค์จงทรงพระวินิจฉัยให้ถ่องแท้ว่าจะพระราชทานพระมหาเศวตฉัตรให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า หรือจะทำสงครามกับข้าพระพุทธเจ้า ขอให้ทรงเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง"
พระราชาอริฏฐชนกได้ทรงสดับสาสนของเจ้าโปลชนก ทรงสะดุ้งหวาดกลัว ไม่ทรงปรารถนาจะทำสงคราม จึงตรัสปรึกษาพระอัครมเหสีว่า "ดูก่อนพระน้อง การรบไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าจะแพ้หรือชนะ หากจะมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ตัวเรา พระน้องจงรักษาพระครรภไว้ให้ปลอดภัยเถิด"
เมื่อตรัสดังนั้น แล้วก็เสด็จออกกรีธาทัพมุ่งตรงไปยังค่ายของเจ้าโปลชนก ได้ถูกทหารของเจ้าโปลชนกปลงพระชนม์เสียในสนามรบนั่นเอง
ชาวเมืองมิถิลา เมื่อได้ทราบว่า พระเจ้าอยู่หัวของตนถูกปลงพระชนม์สวรรคตแล้ว ต่างก็ตื่นตระหนกตกใจเป็นโกลาหล แม้พระอัครมเหสีของพระเจ้าอริฏฐชนก เมื่อทรงทราบว่า พระสวามีเสด็จสวรรคตเสียแล้ว ก็เตรียมขอมีค่าบรรจุลงกระเช้า เอาผ้าเก่า ๆ ปิด แล้วเอาข้าวสารใส่ไว้ข้างบน เทินกระเช้าบนพระเศียร เสด็จหนีออกจากพระนครในเวลากลางวัน ไม่มีใครจำพระนางได้ พระนางเสด็จเรือยไปโดยไม่มีจุดหมาย ได้ประทับบนศาลาแห่งหนึ่ง ทรงรำพึงที่จะเสด็จไปเมืองกาลจัมปากะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปได้อย่างไร จะถามคนเดินทางก็ไม่มีใคร ด้วยเดชานุภาพสัตว์ที่เกิดในครรภ์ของพระนางมิใช่สัตว์ธรรมดา เป็นพระมหาสัตว์ จึงบันดาลให้ท้าวสักกเทวราช แปลงเพศเป็นคนแก่ขับยานเนรมิต ซึ่งมีเตียงตั่งอยู่ในยามนั้น ขับไปหยุดอยู่ที่ศาลาที่พระนางประทับอยู่ ท้าวสักกะแปลงลงจากยานเข้าไปทูลถามพระนางว่า "จะมีใครไปกาลจัมปากนครบ้าง ? "
.................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น