ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พระมหาชนก (๒)


ฝ่ายพระราชาอริฏฐชนก  รับสั่งให้ทหารเที่ยวติดตามจับเจ้าโปลชนกทุกแห่งที่สงสัยว่าพระมหาอุปราชจะหลบซ่อนอยู่  แต่ก็ไม่สามารถจะจับได้

เจ้าโปลชนกมหาอุปราชเสด็จลี้ภัยไปประทับอยู่  ณ  บ้านชายแดนหลายเพลา ยิ่งนานวันเข้าก็ทรงเกลี้ยกล่อมผู้คนชาวชนบทได้มากขึ้นเป็นลำดับ  มีพวกพ้องบริวารมาก  จึงทรงดำริว่า  "เราเป็นผู้บริสุทธิ์   มีจิตจงรักภักดีต่อพระเชษฐาธิราช  มิได้คิดคดทรยศเลย  แต่เรากลับถูกหาว่าเป็นผู้ทรยศจนต้องหนีมาพึ่งชาวบ้านอยู่เช่นนี้  บัดนี้เรามีพวกพ้องมากพอแล้ว  เราจะต้องก่อเวรกับพระเชษฐาล่ะ"  เมื่อทรงดำริดังนั้นแล้ว  จึงตรัสเรียกประชุมพลนิกายทั้งหมด  แล้วยกพลจากบ้านชายแดนมุ่งตรงกรุงมิถิลา  เมื่อจวนจะถึง  รับสั่งให้ตั้งค่ายพักอยู่ภายนอกพระนคร


จะกล่าวถึงเหล่าทหารแห่งกรุงมิถิลา  เมื่อได้ทราบว่า  เจ้าโปลชนกมหาอุปราชเสด็จนำกองพลใหญ่หลวงมา  ต่างก็นำอาวุธยุทโธปกรณ์  อีกทั้งช้างม้าเป็นต้น  มามอบถวายเจ้าโปลชนกมหาอุปราช  บรรดาชาวเมืองต่างก็พากันสมัครเข้าด้วยกับเจ้าโปลชนกเป็นจำนวนมาก  เจ้าโปลชนกทรงส่งสาสน์ไปถึงพระเชษฐาธิราชว่า  "ขอเชะ  ข้าพระพุทธเจ้ามิได้คิดคดทรยศต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  แต่ต้องถูกใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจับจองจำข้าพระพุทธเจ้า  เพราะทรงเชื่อถ้อยคำใส่ไคล้ของอำมาตย์สอพลอ  ข้าพระพุทธเจ้าจำเป็นจำใจต้องหนีลี้ภัย  บัดนี้ถึงคราวแล้วที่ข้าพระพุทธเจ้าจะต้องก่อเวรกับใต้ฝ่าละอองธุุลีพระบาท  ขอพระองค์จงทรงพระวินิจฉัยให้ถ่องแท้ว่าจะพระราชทานพระมหาเศวตฉัตรให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า  หรือจะทำสงครามกับข้าพระพุทธเจ้า  ขอให้ทรงเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง"

พระราชาอริฏฐชนกได้ทรงสดับสาสนของเจ้าโปลชนก  ทรงสะดุ้งหวาดกลัว  ไม่ทรงปรารถนาจะทำสงคราม  จึงตรัสปรึกษาพระอัครมเหสีว่า  "ดูก่อนพระน้อง  การรบไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าจะแพ้หรือชนะ  หากจะมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ตัวเรา  พระน้องจงรักษาพระครรภไว้ให้ปลอดภัยเถิด"

เมื่อตรัสดังนั้น  แล้วก็เสด็จออกกรีธาทัพมุ่งตรงไปยังค่ายของเจ้าโปลชนก  ได้ถูกทหารของเจ้าโปลชนกปลงพระชนม์เสียในสนามรบนั่นเอง

ชาวเมืองมิถิลา  เมื่อได้ทราบว่า  พระเจ้าอยู่หัวของตนถูกปลงพระชนม์สวรรคตแล้ว  ต่างก็ตื่นตระหนกตกใจเป็นโกลาหล  แม้พระอัครมเหสีของพระเจ้าอริฏฐชนก  เมื่อทรงทราบว่า  พระสวามีเสด็จสวรรคตเสียแล้ว  ก็เตรียมขอมีค่าบรรจุลงกระเช้า  เอาผ้าเก่า ๆ  ปิด  แล้วเอาข้าวสารใส่ไว้ข้างบน  เทินกระเช้าบนพระเศียร  เสด็จหนีออกจากพระนครในเวลากลางวัน  ไม่มีใครจำพระนางได้  พระนางเสด็จเรือยไปโดยไม่มีจุดหมาย  ได้ประทับบนศาลาแห่งหนึ่ง  ทรงรำพึงที่จะเสด็จไปเมืองกาลจัมปากะ  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปได้อย่างไร  จะถามคนเดินทางก็ไม่มีใคร  ด้วยเดชานุภาพสัตว์ที่เกิดในครรภ์ของพระนางมิใช่สัตว์ธรรมดา  เป็นพระมหาสัตว์  จึงบันดาลให้ท้าวสักกเทวราช แปลงเพศเป็นคนแก่ขับยานเนรมิต  ซึ่งมีเตียงตั่งอยู่ในยามนั้น  ขับไปหยุดอยู่ที่ศาลาที่พระนางประทับอยู่  ท้าวสักกะแปลงลงจากยานเข้าไปทูลถามพระนางว่า  "จะมีใครไปกาลจัมปากนครบ้าง ? "


.................................




ไม่มีความคิดเห็น: