พระเจ้ามหาชนกกษัตริย์แห่งกรุงมิถิลาวิเทหรัฐ ทรงมีพระราชโอรสสองพระองค์ทรงพระนามว่า เจ้าอริฏฐชนก องค์หนึ่ง เจ้าโปลชนก องค์หนึง พะราชบิดาพระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่เจ้าอริฏฐชนก พระราชทานตำแหน่งเสนาบดีแก่เจ้าโปลชนก
เมื่อพระเจ้ามหาชนกเสด็จสวรรคต เจ้าอริฏฐชนกได้เสวยราชสมบัติสืบแทน พระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่เจ้าโปลชนกผู้เป็นพระอนุชา
ครั้นกาลต่อมา มีอำมาตย์คนหนึ่งหาเรื่องใส่ไคล้เจ้าโปลชนกอุปราชเข้าไปกราบทูลพระเจ้าอริฏฐชนกว่า "ขอเดชะ บัดนี้ภัยใหญ่จะมาถึงพระองค์แล้ว พระมหาอุปราชคิดการร้ายต่อพระองค์ โดยจะปลงพระชนม์ของพระองค์แล้ว ตั้งตนเป็นพระมหากษัตริย์ พระเจ้าข้า" พระเจ้าอริฏฐชนกยังมิปลงพระทัยเชื่อก่อน ครั้นอำมาตย์กราบทูลบ่อย ๆ เข้าก็ทรงเชื่อ หมดความรักในพระอนุชา รับสั่งให้จับพระเจ้าโปลชนกมหาอุปราช แล้วจองจำนำไปขังไว้ ณ คฤหาสน์หลังหนึ่ง ให้ควบคุมไว้อย่างแข็งแรง
เจ้าโปลชนกมหาอุปราช เมื่อถูกราชภัยจองจำเช่นนั้น ก็ทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า "หากตัวเราคิดคดขบถต่อพระเชษฐาธิราชดังกล่าวหาแล้ว ขอให้เครื่องจำจองอย่าได้หลุดจากมือและเท้าของเราเลย หากตัวเรามิได้คิดคดขบถต่อพระเชษฐาธิราชแล้ว ขอให้เครื่องจองจำจงหลุดจากมือและเท้าของเรา และขอให้ประตูเรือนจำจงเปิดเถิด" ในทันใดนั้นเอง เครื่องพันธนาการก็หักออกเป็นท่อน ๆ และประตูก็เปิดออก เจ้าโปลชนกอุปราชก็เสด็จหนีออกไปประทับอยู่ที่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ชาวบ้านชายแดนเหล่านั้นจำพระองค์ได้ดี จึงช่วยกันปรนนิบัติพระมหาอุปราช ให้ทรงได้รับความสุขสำราญตลอดเวลา
................................